13 ประเทศยุโรปที่ต้องไปให้ได้สักครั้งในชีวิต

จำได้ว่าเมื่อก่อนการคุยกับคนใกล้ตัวถึงเรื่องทริปเที่ยวยุโรปนั้น ดูเป็นเรื่องไกลตัวกว่าตอนนี้มากๆ ไม่ใช่แค่จะต้องเก็บเงินเที่ยวนะ ยังมีทั้งเรื่องของเที่ยวบิน เรื่องของเวลาอีกมากมาย เพราะไปทีก็ต้องลางานหลายวันด้วย กว่าจะไปได้ทีต้องใช้เวลาตัดสินใจเยอะมากกก แต่การได้ไปสัมผัสเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม และแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่แปลกตา ทำให้ประเทศในทวีปยุโรป ล้วนมีสถานที่น่าหลงใหลชวนให้บินไปทั้งนั้น และทุกวันนี้การไปแถบยุโรปก็ง่าย และสะดวกกว่าเดิมมาก มีไฟล์ทบินทุกวัน และค่าใช้จ่ายไม่สูงเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน สตาร์ทไม่กี่หมื่นก็ได้ไปเที่ยวแล้ว แต่ก่อนจะแพ็คกระเป๋าเดินทางเราไปดูกันว่า 13 ประเทศในทวีปยุโรปมีสถานที่ท่องเที่ยวไหนบ้าง ที่ต้องไปเยือนให้ได้!
1. ออสเตรีย Austria

ใครชอบฟังเพลงคลาสสิคชอบดูศิลปะและสถาปัตยกรรม ท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกต้องนึกถึงเวียนนา เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ว่ากันว่าเป็นเมืองสะอาดที่ล้อมรอบด้วยธรรมชาติและภูเขา และในปี 2014 ก็ได้ชื่อว่าเป็นเมืองน่าอยู่ และคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดในโลก สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด อาทิ
– พระราชวังมรดกโลก – พระราชวังเชินบรุนน์ พระราชวังฤดูร้อน Great Habsburg สร้างขึ้นเมื่อปลายศตวรรษที่ 17
– Stephansplatz ใจกลางเมืองเวียนนา ผู้คนจำนวนมากมาที่จัตุรัสนี้ เป็นที่ตั้งของมหาวิหารเซนต์สตีเฟน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองและที่สำคัญที่สุดของประเทศออสเตรีย ด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิกที่ละเอียดอ่อนและสวยงามมาก
– House of Music – House of Music ได้รับการจัดสรรพื้นที่สำหรับห้องพิพิธภัณฑ์ดนตรีของศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับโลกเช่น Ludwigvan Beethoven, Wolfgang Amadeus Mozart, Johan Stein Ras (Johann Strauss)
– Prater สวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดในออสเตรียและชิงช้าสวรรค์ขนาดยักษ์ (Riesenrad) กว่า 200 ฟุต ชิงช้าสวรรค์ที่จับคู่กับเวียนนามาตั้งแต่ปี 1879 ในด้านทิวทัศน์และบรรยากาศ
2. เบลเยี่ยม Belgium

แม้ว่า “เบลเยี่ยม” (เบลเยียม) จะขึ้นชื่อเรื่องช็อกโกแลต แต่ประเทศนี้ยังคงมีเสน่ห์มากมายรอให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัส ด้วยประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 1,000 ปี ประเทศเล็กๆ แห่งนี้จึงสงบสุข อากาศดี อุณหภูมิเฉลี่ย 5-18 องศาเซลเซียสตลอดทั้งปี ควรค่าแก่การชมความงามของสถาปัตยกรรมและธรรมชาติ โดยเฉพาะกรุงบรัสเซลส์ เมืองหลวงใจกลางสหภาพยุโรป ที่มีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนอย่างต่อเนื่อง มีไฮไลท์อย่าง
– ศาลาว่าการกรุงบรัสเซลส์ สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิกตั้งแต่ยุคกลาง มั่นคงจนถึงปัจจุบัน จุดเด่นคือยอดแหลมของหอระฆังที่สวยงามมาก
– Fish Filter Square แหล่งท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของเบลเยี่ยม อายุกว่า 400 ปี เป็นสถานที่ท่องเที่ยวของทุกหมู่เหล่า เพราะเป็นอาคารที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป ล้อมรอบไปด้วยอาคารเก่าแก่ในสถาปัตยกรรมบาโรก กอธิค และนีโอกอธิค ทั้งหมดสูงตระหง่านและตระหง่าน ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกตั้งแต่ปี 2526
3. เดนมาร์ก Denmark

เดนมาร์กล้อมรอบด้วยมหาสมุทร และเต็มไปด้วยสถานที่สวยงามมากมายทั้งธรรมชาติและสถาปัตยกรรมที่สวยงามไม่ว่าจะเป็น
– Grand Winter Palace หรือ Amerinbroke Palace เป็นที่ประทับของ Queen Margrethe II แห่งเดนมาร์ก โดยมีลานแปดเหลี่ยมขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง รูปปั้นของเฟรเดอริคที่ 5 ประดิษฐานอยู่บนหลังม้า
– แหล่งท่องเที่ยวหลักของพระราชวังโรเซนบอร์กในโคเปนเฮเกน สถาปัตยกรรม Duts Renaissance อายุ 400 ปี ล้อมรอบด้วยสวนหลวงด้านนอก ชวนเดินเล่น
– จัตุรัสศาลากลาง ไซต์นี้มีสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในโคเปนเฮเกน และบริเวณใกล้เคียงคือถนน Stroget ซึ่งเป็นถนนช้อปปิ้งที่กล่าวกันว่าเป็นถนนคนเดินที่ยาวที่สุดในยุโรป
– น้ำตกมูลาฟอสเซอร์ น้ำตกธรรมชาติที่รายล้อมด้วยแมกไม้เขียวขจีและมีเมฆลอยอยู่ราวกับอยู่ในสวรรค์ โดดเด่นด้วยภูเขาหินที่มีน้ำตกแทรกเข้ามาดูแปลกตา
4.อังกฤษ England

หนึ่งในประเทศที่มีอิทธิพลต่อทวีปยุโรปตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เสน่ห์ที่ทำให้ผู้คนหลงรักอังกฤษคือวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ มีธรรมชาติที่สวยงามพร้อมสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่ชวนให้หลงใหลมากมายจาก
– พระราชวังบักกิงแฮม อดีตพระราชวังของอังกฤษ ปัจจุบันเป็นที่ประทับของควีนอลิซาเบธที่ 2 และราชวงศ์ ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมความงามของสถาปัตยกรรมที่สวยงาม
บิ๊กเบน สถาปัตยกรรมสำคัญใจกลางกรุงลอนดอน อายุกว่า 150 ปี สูงเกือบ 100 เมตร มีหน้าปัดนาฬิกาทั้งสี่ด้าน มันเป็นระฆังขนาด 13 ตันภายในที่ก้องกังวานไปทั่วทั้งเมือง
– สโตนเฮนจ์ อนุสาวรีย์เขย่าโลกด้วยหินก้อนใหญ่กว่า 5,000 ปี เรียงซ้อนกันเป็นสองวง ท่ามกลางทุ่งโล่งกว้างที่มีสีเขียวสดใสสร้างทัศนียภาพที่สวยงาม
– Coca-Cola London Eye อีกหนึ่งประสบการณ์อังกฤษที่ยากจะลืมเลือน ด้วยชิงช้าสวรรค์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สูงกว่า 135 เมตร สูงตระหง่านเหนือแม่น้ำเทมส์ ที่ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเห็นลอนดอนจากเบื้องบนได้
5. ฝรั่งเศส France

เมื่อบินไปฝรั่งเศส อย่าพลาดทัวร์รอบปารีส มาเริ่มกันที่แลนด์มาร์คที่หลายคนรู้จักดี
– พระราชวังแวร์ซาย (Château de Versailles) ได้รับการออกแบบและตกแต่งอย่างสวยงาม มีห้องพัก 700 ห้องพร้อมภาพวาดและประติมากรรมตกแต่ง ด้านนอกมีสวนแวร์ซายขนาดใหญ่ที่คุณสามารถถ่ายภาพที่ระลึกได้
– พระราชวังฟงแตนโบล (Château de Fontainebleau) พระราชวังที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในฝรั่งเศส มีสัญลักษณ์สำคัญของบันไดเกือกม้า หน้าพระราชวัง เป็นที่ที่นโปเลียนทำสงครามเพื่อขยายอำนาจไปทั่วยุโรป และยังมีห้องรับรองที่หรูหราอีกด้วย ซึ่งเคยเป็นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
– หมู่บ้าน Giverny ถูกครอบงำโดยบ้านของ Monet ซึ่งเคยเป็นที่อยู่อาศัยของศิลปิน Claude Monet ไฮไลท์อยู่ที่สวนดอกไม้สไตล์อังกฤษ และสระบัวที่เป็นที่มาของภาพเขียน “ดอกบัว” อันเลื่องชื่อ
มงแซงต์มิเชลเป็นอาสนวิหารอันงดงามอายุกว่าพันปี ตั้งอยู่บนเกาะทางชายฝั่งตะวันตกของนอร์มังดี ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
6. เยอรมนี Germany

ประเทศนี้เป็นที่รู้จักและมีประวัติศาสตร์ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 และยังเป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในประเทศที่สวยงามที่สุดในยุโรปด้วยไฮไลท์ต่างๆ เช่น:
– มิวนิค หนึ่งในสถานที่ที่น่าไปที่สุด ท่ามกลางฉากหลังของวัฒนธรรมอันรุ่มรวยของโรงละครแห่งชาติใจกลางเมือง สร้างขึ้นด้วยการผสมผสานที่มีเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมคลาสสิก และความทันสมัย
– โคโลญ เมืองยอดนิยมแห่งหนึ่งสำหรับนักท่องเที่ยวที่ใฝ่ฝันอยากไปเที่ยวเมืองเก่าแต่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น มหาวิหารโคโลญ เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นหนึ่งใน 12 โบสถ์โรมาเนสก์ที่งดงามของสถาปัตยกรรมยุคกลาง
– ปราสาทยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ปราสาท Neuschwanstein (ปราสาท Neuschwanstein) ในเทือกเขาแอลป์ ต้นแบบการสร้างปราสาทเทพนิยายที่ดิสนีย์แลนด์นั่นเอง ภายในมีห้องนักท่องเที่ยว 14 ห้อง จุดเด่นคือห้องนอนของลุดวิก สร้างขึ้นด้วยศิลปะแบบโกธิกที่ตกแต่งด้วยไม้แกะสลักอย่างวิจิตรบรรจง
7. อิตาลี Italy

อิตาลีเป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวทั่วโลก ชาวต่างชาติเข้าชมมากเป็นอันดับ 5 ของโลก ส่วนใหญ่หลงใหลในประวัติศาสตร์ ของโบราณล้ำค่า แฟชั่น อาหาร มีไฮไลท์จาก
– โรม (โรม) เมืองหลวงที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,800 ปี และยังเป็นที่ตั้งของนครวาติกันอีกด้วย พระราชวังโรมันคาธอลิกที่มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ เช่น โคลอสเซียมแห่งโรม สิ่งมหัศจรรย์ของโลกนี้ เป็นสนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ที่เริ่มสร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเวสปาเซียนแห่งโรมัน สนามกีฬาเป็นสนามอิฐทรงกลมขนาดใหญ่และหิน ยาว 527 เมตร สูง 57 เมตร และมีสี่ชั้น อัฒจันทร์สามารถรองรับผู้ชมได้ประมาณ 80,000 คน ซึ่งเป็นอาคารที่แสดงถึงความรุ่งโรจน์ของจักรวรรดิโรมันโบราณ น้ำพุไหลน้ำพุ Trevi เป็นสิ่งที่ต้องดู เพราะมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามมาก ตรงกลางน้ำพุมีรูปปั้นเทพเจ้าเนปจูน ตามเนื้อผ้าผู้เยี่ยมชมน้ำพุควรโยนเหรียญ 1 เหรียญลงในสระ เชื่อกันว่าถ้าโยนเข้าไปจะกลับกรุงโรมอีกครั้ง
– หอเอนเมืองปิซาตั้งอยู่ในปิซา ในจัตุรัสดูโอโม หอระฆังทรงกระบอกสูง 8 ชั้น ทำด้วยหินอ่อนสีขาว สูง 55.86 เมตร มีขั้นบันได 293 ขั้น เอียง 3.97 องศา และตั้งฉากกับยอดหอคอย 3.9 เมตร เวนิส. (เวนิส / เวเนเซีย) หนึ่งในเมืองที่สวยที่สุดในอิตาลี เป็นที่รู้จักจากประวัติศาสตร์ศิลปะและคลองที่มีชื่อเสียงระดับโลก
8.นอร์เวย์ Norway

นอร์เวย์ จุดหมายปลายทางในฝันของนักเดินทางทั่วโลก มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามมากมาย เช่น ภูเขา น้ำตก ทะเล และยังเป็นสถานที่ยอดนิยมในการชมแสงเหนืออีกด้วย สำหรับผู้ที่กำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศที่สวยงามและตระการตา นอร์เวย์เป็นจุดหมายปลายทางที่สมบูรณ์แบบสำหรับคุณ
– เริ่มต้นที่เมืองหลวงออสโล (ออสโล) มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม ทั้งเก่าและใหม่ พิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ และโรงละคร รวมทั้งร้านอาหารและบาร์ในคลับเพื่อการผ่อนคลาย
– วิหาร Nidaros หนึ่งในมหาวิหารที่เก่าแก่และสวยงามที่สุดในยุโรป สถาปัตยกรรมกอทิก ทั้งภายในและภายนอกได้รับการออกแบบอย่างสวยงามและวิจิตรบรรจง ด้านในมีทางเดินให้นักท่องเที่ยวได้ชมวิวบนยอดวัดด้วย
– Reine หมู่บ้านชาวประมงบนเกาะ Lofoten มีบรรยากาศที่สวยงามและเงียบสงบ บ้านเป็นแบบดั้งเดิม สีสันสดใส และน่าดึงดูดใจ โดยเฉพาะในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมภูเขาและบ้านเรือน งดงามราวกับดินแดนแห่งความฝัน
– Latefossen น้ำตกขนาดใหญ่ในเขต Odda ของ Hordaland เป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาด ที่ความสูง 165 เมตร น้ำตกจะบรรจบกับลำธารสองสายที่ทะเลสาบ Lotevatnet และอยู่ติดกับ Norwegian National Road 13 ซึ่งเป็นจุดแวะพักยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยว
9. รัสเซีย Russia

เพราะ “รัสเซีย” หรือ สหพันธ์สาธารณรัฐรัสเซีย ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกมาเยี่ยมเยียนผู้คนนับล้านในแต่ละปี เพื่อสัมผัสศิลปะ วัฒนธรรม และศึกษาประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ โดยเฉพาะ “มอสโก” เมืองหลวงปัจจุบัน ได้แปรสภาพเป็นมหานครสมัยใหม่ ผสมผสานกับสถาปัตยกรรมที่สวยงามผสมผสานกับวัฒนธรรมที่โดดเด่น สถานที่สำคัญที่ควรเยี่ยมชมเช่น
– จตุรัสแดง (Red Square) ใจกลางเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดเพื่อชื่นชมความงามของสถาปัตยกรรมโดยรอบ
– พระราชวังเครมลินถือเป็นสถาปัตยกรรมยุคกลางที่ดีที่สุดในยุโรป และเป็นที่ชื่นชอบของชาวมอสโกเพราะตามความเชื่อของรัสเซียโบราณ สถานที่แห่งนี้เปรียบเสมือนที่ประทับขององค์พระผู้เป็นเจ้า อดีตที่พำนักของซาร์
– ศูนย์การค้า GUM (GUM) เป็นศูนย์การค้าที่เก่าแก่ สวยงามที่สุด หรูหราและใหญ่ที่สุดในมอสโก สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2438 ตั้งอยู่ที่จัตุรัสในจัตุรัสแดง ใครก็ตามที่ตั้งใจจะซื้อผลิตภัณฑ์แบรนด์เนมมาถูกทางแล้ว เพราะมีร้านค้าแบรนด์ดังมากมายเปิดให้บริการ
– มอสโกเมโทรเป็นอาคารที่ชาวรัสเซียสามารถแสดงความยิ่งใหญ่ของประวัติศาสตร์แก่ชาวต่างชาติ ชาตินิยมและประเพณีวัฒนธรรมที่สวยงามด้วยการตกแต่งที่แตกต่างกันในแต่ละสถานีโดยเฉพาะสถานีรถไฟกลางกรุงมอสโก ได้รับการโหวตให้เป็นหนึ่งในสถานีรถไฟใต้ดินที่สวยที่สุดในโลก
10. สวีเดน Sweden

ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งพระอาทิตย์เที่ยงคืน และดินแดนแห่งไวกิ้ง เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต้องการไปเยือนอย่างน้อยสักครั้งในชีวิต โดยเฉพาะเมืองหลวงสตอกโฮล์มที่ล้อมรอบด้วยทะเลบอลติก ทะเลสาบมาลาเรน ทำให้สตอกโฮล์มเป็นเมืองหลวงที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีสถานที่เช่น
– พระราชวัง (Stockholms slott) เป็นที่ประทับของราชวงศ์สวีเดน ว่ากันว่าเป็นวังที่สวยที่สุดในยุโรป
– เมืองเก่า (Gamla Stan) เมืองเก่าที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป อีกหนึ่งแลนด์มาร์คสุดอัศจรรย์ เพียงก้าวเท้าเข้ามาในบริเวณนี้ เหมือนหลุดเข้าไปในมิติศตวรรษที่ 13 ไม่ว่าจะเป็นอาคารที่สวยงามด้วยสถาปัตยกรรมสวีเดน ที่ยังคงสภาพเดิมไว้อีกด้วย
– ศาลาว่าการสตอกโฮล์มตกแต่งอย่างวิจิตรเหมือนพระราชวังอาร์ตนูโว หลังคาหอประชุมได้รับการออกแบบให้คล้ายกับตัวเรือของเรือไวกิ้ง เหมือนล่องเรือในทะเลสีฟ้า
– สตอกโฮล์มเมโทรถือเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ยาวที่สุดในโลกและเป็นหนึ่งใน 7 สถานีรถไฟใต้ดินที่สวยที่สุดในโลก มี 100 สถานี 10 เส้นทาง รวมระยะทาง 110 กิโลเมตร ทุกสถานีมีเอกลักษณ์และน่าทึ่ง
11. สวิตเซอร์แลนด์ Switzerland

เมื่อพูดถึง “สวิตเซอร์แลนด์” เรามักจะนึกถึงสถานที่ท่องเที่ยว เช่น เทือกเขาจุงเฟรา เจนีวา และภูเขาทิตลิต
– ทะเลสาบ Oeschinen ตั้งอยู่กลางหุบเขา Ochinen ที่ระดับความสูง 1,578 เมตร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขา Jungfrau แต่มีความงามตามธรรมชาติที่โดดเด่น
– น้ำตกไรน์เป็นน้ำตกที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป ด้วยความสูง 23 เมตร และกว้างกว่า 150 เมตร ย้อนหลังไปมากกว่า 14,000 ปีในยุคน้ำแข็ง
– ธารน้ำแข็ง Aletsch ซึ่งเป็นธารน้ำแข็งที่ยาวที่สุดในเทือกเขาแอลป์ มีความยาว 22 กิโลเมตร และหนา 700 เมตร และครอบคลุมพื้นที่กว่า 120 ตารางกิโลเมตร น้ำแข็งประมาณ 27 พันล้านตันถูกบดขยี้ ทำให้เป็นมรดกทางธรรมชาติที่ยอดเยี่ยม
– Matterhorn ขึ้นชื่อว่าเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในเทือกเขาแอลป์ ความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 4,478 เมตร มีลักษณะเด่นที่เรียกว่าเขา (horn) พีระมิดสามเหลี่ยม
– ทะเลสาบลูเซิร์น (Lake Lucerne) เป็นทะเลสาบที่สวยที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ ท่ามกลางขุนเขา ทิวทัศน์โดยรอบเป็นบ้านเรือนแบบดั้งเดิม ดูเหมือนหมู่บ้านตุ๊กตาและสวนดอกไม้ที่บานสะพรั่งไปตามฤดูกาล
12. จอร์เจีย Georgia

แม้จะถือว่าเป็นประเทศที่ไม่แน่ใจว่าอยู่ในเอเชียหรือยุโรป? แต่ถ้าดูจากสภาพของเมือง วัฒนธรรมและชาวเมืองจอร์เจียนั้นมีความเป็นยุโรปมากกว่า และจุดเด่นคือเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ครบทั้งป่าไม้ แม่น้ำ ภูเขา ราคาไม่แพง และที่สำคัญไม่ต้องขอวีซ่าไทย สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจคือ
– เมืองหลวงของทบิลิซีที่มีอาคารสีสันสดใสที่ผสมผสานสถาปัตยกรรมของแต่ละยุคสมัย ที่สำคัญคือล้อมรอบด้วยภูเขาที่สูงที่สุดสุดลูกหูลูกตา เป็นภาพหายากในเมืองหลวงอื่น ๆ ของยุโรป
– เมืองโบราณอุพลิสซิเค่ (Uplistsikhe) เมืองถ้ำโบราณที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก สร้างขึ้นตั้งแต่ยุคหินที่มีอายุมากกว่า 3,000 ปี
– เมืองตากอากาศของบอร์โจมีเป็นเมืองเล็กๆ น่ารักและเงียบสงบ และมีชื่อเสียงด้านน้ำแร่มากที่สุดของประเทศ เพราะเป็นแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติ มีที่พักหลายแห่งที่ให้บริการอ่างน้ำพุร้อน
13. กรีซ Greece

กรีซเป็นประเทศเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่ต่อโลกจริงๆ เพราะเป็นแหล่งกำเนิดอารยธรรมตะวันตกเลยทีเดียว อารยธรรมกรีกโบราณสามารถสืบย้อนไปถึง 3,000 ปี จึงมีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์มากมาย รวมถึงตัวบ้านจะยังคงรักษาสไตล์ยุโรปแบบเก่าไว้อีกด้วย ใครชอบดูของเก่าบ้าง? และความสวยงามจะน่าประทับใจเป็นพิเศษ
– เอเธนส์ หนึ่งในเมืองหลวงที่เก่าแก่ที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังมีแหล่งโบราณคดีที่สมบูรณ์มากคือ Pathhenon ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาสูงเหนือกรุงเอเธนส์
– ซานโตรินี เกาะสวรรค์แห่งทะเลอีเจียน ขึ้นชื่อเรื่องความงามของอาคารสีขาวพาสเทล ที่ตัดกับสีน้ำเงินเข้มอย่างสวยงาม นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่โรแมนติกที่สุดที่คู่รักมาฮันนีมูนด้วยกัน
– Meteora Rocks กลุ่มอารามและอารามออร์โธดอกซ์ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงชัน บางแห่งตั้งอยู่บนยอดเขาที่ห่างไกล บางมุมก็เหมือนลอยอยู่บนฟ้า